คำถามนี้เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยมากสำหรับเทรดเดอร์ โดยเฉพาะมือใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุดังนี้:

1. ความแตกต่างระหว่าง Demo และ Real Account

• อารมณ์และความกดดัน:
  ในบัญชี Demo คุณไม่มีความเสี่ยงทางการเงินจริง จึงไม่รู้สึกกดดันเมื่อทำการเทรด แต่ในบัญชีจริง การเสียเงินจะทำให้เกิดความเครียด กังวล หรือกลัวจนนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาด
• สภาพแวดล้อมการเทรด:
  บางครั้งโบรกเกอร์อาจมีสภาพคล่องหรือการดำเนินคำสั่งที่แตกต่างกันระหว่าง Demo และ Real Account เช่น สเปรดที่กว้างขึ้น หรือ Slippage (ราคาเลื่อน) ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ตลาดจริง

2. การขาดวินัยและการควบคุมอารมณ์

• เมื่ออยู่ในบัญชีจริง ความโลภและกลัวมักเข้ามาแทรกแซง เช่น:
  • โลภ: เปิดออเดอร์ใหญ่เกินไปเพื่อหวังกำไรเร็ว
  • กลัว: ตัดขาดทุนช้าเกินไปเพราะหวังว่าตลาดจะกลับมา หรือปิดกำไรเร็วเกินไปเพราะกลัวเสีย
• ในบัญชี Demo คุณอาจไม่ได้เผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้ เพราะ "เงิน" ที่ใช้นั้นไม่ใช่ของจริง

3. การใช้ระบบ/กลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสม

• แม้ว่าคุณจะใช้ "ระบบเดียวกัน" แต่กลยุทธ์ที่ใช้อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ตลาดจริง เช่น:
  • ระบบทำงานได้ดีในตลาดที่มีแนวโน้ม (Trending Market) แต่ล้มเหลวในตลาดที่แกว่งตัว (Sideways Market)
  • ขาดการปรับแต่งพารามิเตอร์ตามพฤติกรรมตลาดที่เปลี่ยนแปลง

4. การจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดีพอ

• ในบัญชี Demo คุณอาจไม่ใส่ใจเรื่องการจัดการความเสี่ยง (Risk Management) เช่น การกำหนด Stop Loss, Take Profit หรือขนาด Lot Size
• แต่ในบัญชีจริง หากคุณไม่จัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม การขาดทุนเพียงไม่กี่ครั้งอาจทำให้พอร์ตเสียหายอย่างหนัก

5. การ Overtrading

• เมื่ออยู่ในบัญชีจริง คุณอาจพยายาม "แก้ตัว" หลังจากขาดทุน โดยการเปิดออเดอร์บ่อยเกินไป ซึ่งมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แย่ลง
• ในขณะที่บัญชี Demo คุณอาจมีวินัยมากกว่า เพราะไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันในการทำกำไร

6. การทดสอบในระยะเวลาที่สั้นเกินไป

• ความสำเร็จในบัญชี Demo อาจเกิดจากการโชคดีในระยะเวลาสั้นๆ แต่เมื่อคุณเทรดในบัญชีจริงเป็นเวลานาน ความผันผวนของตลาดจะเผยให้เห็นจุดอ่อนของระบบ

แนวทางแก้ไข:

1. ฝึกฝน Emotional Control:
   พยายามสร้างวินัยและควบคุมอารมณ์ เช่น ตั้งกฎว่าจะไม่เปิดออเดอร์หากยังไม่พร้อม
2. Backtest และ Forward Test:
   ทดสอบระบบของคุณในสถานการณ์ตลาดจริงให้มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่ามันสามารถทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ
3. จัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด:
   กำหนด Risk-Reward Ratio ที่เหมาะสม เช่น 1:2 หรือ 1:3 และไม่เสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
4. เรียนรู้จากข้อผิดพลาด:
   บันทึกและวิเคราะห์การเทรดทุกครั้ง เพื่อหาจุดอ่อนและปรับปรุง
5. เริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อย:
   หากคุณยังไม่มั่นใจ ให้ลองเริ่มต้นด้วยบัญชีจริงที่มีเงินทุนน้อยก่อน เพื่อสร้างประสบการณ์โดยไม่เสี่ยงมากเกินไป

สรุป:
ความแตกต่างระหว่าง Demo และ Real Account ไม่ได้อยู่ที่ระบบหรือกลยุทธ์ แต่อยู่ที่ "อารมณ์" และ "การจัดการความเสี่ยง" ของคุณเอง การเตรียมตัวทั้งด้านจิตใจและเทคนิคจึงเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในโลกของการเทรดจริง! 💪📈

คำแนะนำสุดท้าย: เทรดอย่างมีสติ และอย่าลืมว่า... "Slow and steady wins the race." 🚀